Stroke หรือ โรคหลอดเลือดสมอง สามารถเป็นได้ทุกเพศ ทุกวัย คือ ภาวะที่ทำให้เซลล์สมองถูกทำลาย ซึ่งมีสาเหตุมาจากหลอดเลือดสมองตีบ อุดตัน หรือแตก ทำให้ขัดขวางการลำเลียงเลือดซึ่งนำออกซิเจนและสารอาหารไปเลี้ยงเซลล์สมอง ส่งผลให้สมองสูญเสียการทำหน้าที่จนเกิดอาการของอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
สาเหตุของโรคหลอดเลือดสมอง
ไม่เพียงแต่ผู้สูงวัย แม้แต่วัยรุ่นก็อาจมีความเสี่ยงเกิดโรคหลอดเลือดสมองด้วยสาเหตุที่ต่างกัน โดยโรคหลอดเลือดสมองเกิดได้จาก 3 สาเหตุหลัก ๆ โดย 80% เกิดจาก
- หลอดเลือดในสมองตีบ (Atherosclerosis) เป็นสาเหตุที่เกิดได้ถึง 80% เกิดจากลิ่มเลือดก่อตัวขึ้นจากผนังหลอดเลือดสมองที่มีคราบไขมันเกาะจนแข็ง ทำให้หลอดเลือดสมองตีบแคบลงจนอุดตัน ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ ได้แก่ อายุ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง สูบบุหรี่ แอลกอฮอล์ โรคที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงภายในหลอดเลือด โรคอ้วน เพราะคนอ้วนจะสัมพันธ์กับการนอนกรนหรือภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ทำให้มีโอกาสเกิดภาวะเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ
- หลอดเลือดในสมองอุดตัน (Embolic) เกิดจากลิ่มเลือดที่ก่อตัวในเส้นเลือดนอกสมอง เช่น ที่หัวใจ ลอยตามกระแสเลือดไปอุดตันที่หลอดเลือดเล็ก ๆ ในสมอง ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ ได้แก่ ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคของลิ้นหัวใจ กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หรือภาวะหัวใจโต สาเหตุอื่น ๆ ที่พบในวัยรุ่น เช่น กีฬาหรืออุบัติเหตุที่มีการบิดหรือสะบัดคอแรง ๆ อาจทำให้หลอดเลือดที่คอฉีกขาดได้ อาทิ บันจี้จัมป์ หรือกีฬาเอ็กซ์ตรีม ซึ่งพบได้มากขึ้นในคนไข้กลุ่มวัยรุ่น มักมีอาการปวดคอมาก อ่อนแรงครึ่งซีก หรือช่วงน้ำท่วมมีอาสาสมัครช่วยแบกกระสอบที่คอแล้วอ่อนแรงไปซีกหนึ่ง เป็นต้น นอกจากนี้อาการของหลอดเลือดสมองยังมีหลอดเลือดดำอุดตันด้วย เช่น กลุ่มที่รับประทานยาคุมกำเนิดหลังคลอด ซึ่งจะมาด้วยอาการชักคล้ายหลอดเลือดแดงอุดตัน
- เลือดออกในสมอง (Hemorrhagic) เป็นสาเหตุที่เกิดได้ 20% เกิดจากเลือดออกภายในสมอง ซึ่งเลือดที่ไหลออกมาทำให้เกิดแรงกดเบียดต่อเนื้อสมอง และทำลายเนื้อสมอง ปัจจัยเสี่ยงสำคัญ ได้แก่ ภาวะความดันโลหิตสูง
อาการของโรคเส้นเลือดในสมองตีบ
จะมีลักษณะแตกต่างกันออกไปตามสภาพร่างกายของแต่ละคน โรคเส้นเลือดสมองตีบมักพบอาการดังต่อไปนี้
- ปวดศีรษะ สายตาพร่ามัว
- อัมพาตครึ่งซีก ใบหน้าบิดเบี้ยว สื่อสารไม่ได้
- เสียการรับรู้ความรู้สึก การเคลื่อนไหวร่างกายและการทรงตัว เช่น รู้สึกชาตามตัว แขนขาอ่อนแรงหรือขยับไม่ได้ และเดินเซ เป็นต้น
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคเส้นเลือดในสมองตีบ
- ผู้ที่มีไขมันในเลือดสูง มักมีไขมันสะสมอยู่ตามผนังหลอดเลือดและกีดขวางการลำเลียงของเลือด ส่งผลทำให้เลือดแข็งทั่วร่างกาย
- ผู้ป่วยโรคเบาหวาน เพราะในกลุ่มนี้มีน้ำตาลในเลือดสูง ทำให้เกิดหลอดเลือดแข็งทั่วร่างกายได้เช่นกัน
- การสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก เพราะพวกนี้จะมีนิโคตินและคาร์บอนมอนนอกไซด์ที่ส่งผลให้ปริมาณออกซิเจนลดลง และเป็นตัวที่ทำลายผนังหลอดเลือด
- ครอบครัวที่เคยมีประวัติเส้นเลือดในสมองตีบ
- ผู้สูงอายุ เพราะอายุที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้หลอดเลือดเสื่อมตามไปด้วย
แนวทางการรักษาและวิธีการป้องกันเส้นเลือดในสมองตีบ
การรักษาโรคเส้นเลือดในสมองตีบ สามารถรักษาได้หลายวิธีโดยขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์ ซึ่งบางรายสามารถใช้ยาบรรเทาอาการได้ เช่น ยาละลายลิ่มเลือด การกินยาต้านเกล็ดเลือด รวมไปถึงฟื้นฟูให้ระบบเลือดไหลเวียนได้ตามปกติ เป็นต้น
การป้องกันเส้นเลือดในสมองตีบ สามารถป้องกันได้แบบง่าย ๆ ได้หลากหลายวิธีเช่น การกินยาควบคุมระดับไขมันในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ การรักษาความดันโลหิต ควบคุมน้ำหนักและรูปร่างให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงการทานอาหารที่มีไขมันสูง โดยเฉพาะไขมันอิ่มตัว เป็นต้น
หากเริ่มสงสัยว่าตัวเองเริ่มมีอาการของโรคเส้นเลือดในสมองตีบ ควรรีบไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด เพื่อการรักษาที่รวดเร็วและลดความเสี่ยงของการเสียชีวิตเฉียบพลัน